มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับยารักษาโรคซึมเศร้ากัน

เมื่อพูดถึงโรคซึมเศร้า แน่นอนว่าในขณะนี้หลาย ๆ คนก็คงได้รู้จัก หรือได้ทราบกันอยู่แล้ว เนื่องจากในช่วงหลัง ๆ มานี้ ผู้คนเป็นโรคซึมเศร้ากันเยอะมาก ๆ โดยการเป็นโรคซึมเศร้านั้นก็เกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน ตอนนี้โรคซึมเศร้าเป็นเหมือนโรคหนึ่งที่เกิดขึ้นได้ช่วงชีวิตของคนเรา เหมือนกับว่านี่เป็นโรคทางกายโรคอื่น ๆ ที่เราคุ้นชิน เช่น การเป็นความดันโลหิตสูง หรือการเป็นเบา การที่เป็นโรคซึมเศร้านั้นไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นคนที่อ่อนแอหรือมีความล้มเหลวในชีวิต แต่เป็นเพียงความป่วยอย่างหนึ่งเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันการรักษาโรคซึมเศร้านั้นสามารถทำได้ และมีผู้ป่วยมากมายที่ดีขึ้นหลังจากการรักษาด้วยยารักษาโรคซึมเศร้า

การรักษาโรคซึมเศร้า ที่ไม่ได้ใช้แค่ ยารักษาโรคซึมเศร้า เท่านั้น

ในการรักษาโรคซึมเศร้านั้น สามารถที่จะทำได้ 2 วิธีด้วยกัน คือ การรักษาโรคซึมเศร้าทางจิตใจ และการรักษาด้วยยารักษาโรคซึมเศร้าหลากหลายชนิด โดยแต่ละคนที่เข้ารับการรักษาก็จะมีการตอบสนองต่อยา หรือวิธีการรักษาที่แตกต่างกันออกไป บางคนอาจจะต้องการที่จะรักษาหลาย ๆ อย่างร่วมกัน แต่บางคนอาจจะรักษาให้ดีขึ้นได้ด้วยการรับประทานยา ซึ่งการรักษาด้วยนาจะทำให้อาการของผู้ป่วยนั้นดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่การรักษาในรูปแบบทางจิตใจนั้นจะเป็นการทำให้ผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้น จึงทำให้ผู้ป่วยสามารถที่จะต่อสู้กับปัญหาที่เข้ามาได้ง่ายมากขึ้น

แม้ว่าอาการของโรคซึมเศร้าอาจจะมีความน่าเป็นห่วง ส่วนใหญ่แล้วการรักษาโรคซึมเศร้า ดูดไขมัน อาจไม่จำเป็นที่จะต้องให้ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แต่จำเป็นจะต้องใช้ยารักษาโรคซึมเศร้า หรือรักษาจากทางจิตใจ หากว่ามีอาการที่รุนแรงขึ้นของโรค ถึงขนาดที่ว่าผู้ป่วยจะพยายามฆ่าตัวตาย หรือผู้ป่วยไม่สามารถที่จะกินยาได้ ก็อาจจะต้องมีการรักษาผู้ป่วยด้วยไฟฟ้า ทั้งนี้ก็มีการใช้การรักษาลักษณะนี้จะใช้ในเวลาที่จำเป็นเท่านั้น

ยารักษาโรคซึมเศร้า

ยารักษาโรคซึมเศร้า ที่มีอยู่ในขณะนี้สามารถที่จะแบ่งได้ 2 ลักษณะ คือ การแบ่งตัวยาด้วยวิธีการออกฤทธิ์ของตัวยา และลักษณะของโครงสร้างทางเคมีของยา ซึ่งสามารถแบ่งกลุ่มของยาที่ใช้ในการรักษาได้ดังนี้

  1. ยากลุ่ม tricyclic
  2. ยากลุ่ม monoamine oxidase inhibitors (MAOI)
  3. ยากลุ่ม SSRI (serotonin-specific reuptake inhibitor)

ยาที่ใช้สำหรับการรักษาโรคซึมเศร้าแต่ละกลุ่มนั้นมีข้อดีและมีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป แต่อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพของการรักษาโรคก็มีเท่าเทียมกัน โดยในการรักษาแพทย์จะทำการให้ยากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งให้กับผู้ป่วยก่อน เพื่อเป็นการดูว่าจะผู้ป่วยจะมีผลสนองต่อยาเป็นอย่างไร การที่แพทย์ต้องทำเช่นนี้ก็เป็นเพราะว่า แพทย์ไม่สามารถทราบได้ว่าจริง ๆ แล้ว ผู้ป่วยนั้นถูกกับตัวยารักษาชนิดใด หลังจากที่ได้จ่ายยาไปแล้ว แพทย์ก็จะค่อย ๆ ปรับตัวยา และขนาดของยาในการรักษาให้เหมาะสมกับตัวผู้ป่วยมากยิ่งขึ้น

การใช้ยารักษาโรคซึมเศร้าในการรักษานั้น จะช่วยในเรื่องของการปรับสารเคมีในสมองผู้ป่วยให้มีความสมดุลกัน ถือว่าเป็นการรักษาแบบโดยตรง ไม่ใช่ยานอนหลับแบบที่ใครหลาย ๆ คนมักจะเข้าใจผิดกัน โดยผู้ป่วยไม่น้อยเลยที่มักจะมีการหยุดทานยาเร็วกว่าที่แพทย์กำหนด สิ่งสำคัญของการรักษาโรคซึมเศร้าก็คือการกินยาอย่างต่อเนื่องจนกว่าแพทย์จะบอกให้หยุดทานยาได้ แม้ว่าผู้ป่วยจะรู้สึกว่าตัวเองนั้นดีขึ้นแล้วก็ตาม ซึ่งหากอาการดีขึ้นแล้วแพทย์ก็จะค่อย ๆ ปรับตัวยาให้ลดลง เพื่อเป็นการสร้างการปรับตัวให้กับร่างกายของผู้ป่วย

อย่างไรก็ตามการทานยานอนหลับหรือการทานยาลดความกังวลนั้น ไม่ใช่ยารักษาโรคซึมเศร้าที่สามารถใช้ได้ด้วยตัวเอง เนื่องจากจำเป็นที่จะต้องมีการปรึกษาแพทย์ที่ทำการรักษาอยู่ก่อน หากแพทย์มีเห็นถึงความจำเป็นก็จะสั่งยาชนิดนี้ควบคู่ไปให้ทานด้วย เพื่อเป็นการช่วยลดความกังวลให้กับผู้ป่วยในระยะต้นของการรักษา ที่สำคัญไม่ควรหยุดยาด้วยตัวเอง ซื้อยามาทานเอง ขอยืมยาจากผู้อื่น หรือทานยารักษาจากแพทย์หลายคนพร้อมกัน รวมถึงถ้าเกิดปัญหาอะไรที่เกี่ยวกับการรักษาหรือตัวยา ก็ให้บอกแพทย์ที่รักษาด้วยเสมอ