การปวดท้องบิดมักจะเป็นอาการที่เกิดขึ้นมาจากการติดเชื้อในลำไส้ ส่งผลทำให้เกิดอาการท้องเสีย ถ่ายท้องเป็นน้ำ หรือถ่ายเป็นเลือด ซึ่งสามารถเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียก็ได้ สำหรับเชื้อที่ทำให้เกิดอาการปวดท้องบิดที่พบได้บ่อยมากที่สุด นั่นก็คือเชื้อบาซิลลารีเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่าชิเกลโลซิส มีผู้คนประมาณ 500,000 รายในสหรัฐอเมริกาได้รับเชื้อนี้ทุกปี perfect.in.th และเป็นอีกหนึ่งอาการที่ไม่พึงประสงค์ที่พบได้มากในผู้ป่วยชาวไทย
การปวดท้องบิดเกิดจากการติดเชื้อ
โรคบิดอะมีบามาจากปรสิตที่มีชื่อว่า Entamoeba histolytica ซึ่งจะมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคบิดชนิดนี้มากขึ้น ถ้าคุณเดินทางไปยังพื้นที่เขตร้อน คุณสามารถเป็นโรคบิดได้ถ้าคุณรับประทานอาหารที่ปรุงจากพ่อครัวที่มีเชื้อนี้อยู่ในร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าพ่อครัวทำอาหารป่วย และไม่ได้ล้างมือก่อนทำอาหาร นำมือที่มีเชื้อมาหยิบจับอาหารต่าง ๆ เพื่อนำมาปรุง ผู้ที่รับประทานก็สามารถป่วยได้
หรือในกรณีที่คุณนำมือไปสัมผัสกับพื้นที่ที่มีปรสิตหรือแบคทีเรียเกาะอยู่ และนำมือนั้นมาจะหยิบจับอาหารนำเข้าปาก ก็จะทำให้คุณติดเชื้อเช่นกัน เช่นที่จับห้องน้ำ, ลูกบิดอ่างล้างหน้า, โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น ดังนั้นจึงมีการรณรงค์ให้มีการล้างมือให้สะอาดอยู่ตลอดเวลา เพราะการล้างมือให้สะอาดเป็นสิ่งที่ช่วยปกป้องคุณให้รอดพ้นจากการติดเชื้อ หรือป้องกันความไม่สบายต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี การปวดท้องบิดจะปรากฏขึ้นในระยะเวลา 1 – 3 วันหลังจากที่คุณได้รับเชื้อเข้าไป หรือผู้ป่วยบางรายอาจจะใช้เวลานานกว่านี้ กว่าที่อาการจะปรากฏ
โรคบิดที่ได้รับเชื้อจากที่แตกต่างกันในแต่ละประเภท
การปวดท้องบิดก็จะส่งผลทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยที่ต่างกันไปด้วย สำหรับโรคบิดที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย จะส่งผลทำให้เกิดอาการ ได้แก่…
- ท้องเสีย
- ปวดท้อง
- เป็นตะคริว
- มีไข้
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- ในขณะที่ถ่ายท้องพบว่า มีเลือดหรือเมือกไหลปนออกมาด้วย
โรคบิดที่ติดจากเชื้ออะมีบา
จะไม่ก่อให้เกิดอาการแบบรวดเร็ว แต่คุณจะพบกับอาการที่ไม่พึงประสงค์ 2 – 4 หลังจากที่ติดเชื้อชนิดนี้ อาการที่พบได้มากคือ
- คลื่นไส้
- ท้องเสีย
- ปวดท้อง
- น้ำหนักลดในระยะเวลาอันรวดเร็ว
- มีไข้ขึ้น
- ตับบวม
ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับโรคบิด
- ในสหรัฐอเมริกา อาการแสดงของการปวดท้องบิดนี้มักไม่รุนแรงและมักหายไปภายใน 2 – 3 วัน ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงจะไม่ไปพบแพทย์
- ในแต่ละปีทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อชิเกลลาระหว่าง 120 ล้านถึง 165 ล้านราย โดย 1 ล้านคนเสียชีวิต กว่าร้อยละ 60 ของผู้เสียชีวิตเหล่านี้เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีในประเทศกำลังพัฒนา
- กลุ่มอะมีบา จะรวมตัวกันเพื่อสร้างซีสต์ และซีสต์เหล่านี้จะโผล่ออกมาจากร่างกาย ผสมมากับอุจจาระของมนุษย์
- ในพื้นที่ที่มีการสุขาภิบาลไม่ดี อะมีบาสามารถปนเปื้อนอาหารและน้ำ และแพร่เชื้อให้กับมนุษย์จำนวนมากได้ เนื่องจากสามารถอยู่รอดได้นอกร่างกายเป็นเวลานาน
- การปฏิบัติตามหลักสุขอนามัยที่ดี จะช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อ นั่นก็คือการล้างมือ
การป้องกันโรคบิด
- โรคบิดส่วนใหญ่เกิดจากสุขอนามัยที่ไม่ดี
- ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ จึงควรล้างมือด้วยสบู่และน้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนและหลังใช้ห้องน้ำและก่อนเตรียมอาหาร จะสามารถลดความถี่ของการติดเชื้อ Shigella และอาการท้องร่วงประเภทอื่น ๆ ได้มากถึง 35 เปอร์เซ็นต์
- ดื่มน้ำที่มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น เช่น น้ำขวด ที่มีชื่อเสียง
- สังเกตการเปิดขวดและทำความสะอาดขอบฝาขวดก่อนดื่ม
- เช็กว่าอาหารปรุงสุกดี
- หลีกเลี่ยงการเคี้ยวหรืออมน้ำแข็ง เนื่องจากอาจไม่ทราบแหล่งที่มาของน้ำที่นำมาทำน้ำแข็ง แต่ถ้าเป็นน้ำแข็งจากที่บ้านที่คุณทำเองสามารถไว้วางใจได้
หลังจากที่คุณถ่ายท้องและจิบเกลือแร่ที่เป็นเกลือแร่เฉพาะสำหรับการชดเชยการสูญเสียน้ำ อันเนื่องมาจากการท้องเสียแล้ว แต่ก็ยังพบว่าไม่ดีขึ้น ซ้ำอาการยังแย่ลงเรื่อย ๆ แนะนำให้คุณรีบไปพบแพทย์โดยด่วน เพราะการถ่ายท้องมากจนเกินไปทำให้ร่างกายขาดน้ำและอาจทำให้เกิดภาวะช็อก จนกระทั่งทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ ดังนั้นการปวดท้องบิดจึงเป็นอาการที่คุณไม่ควรมองข้ามว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาทั่วไป